วันพุธที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2555


เมืองที่สวยที่สุดในโลก : World's Most Beautiful Cities
วันนี้จะพาไปดูเมืองต่างๆในหลายๆมุมของโลก ที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่สวยที่สุดเลยค่ะ
ถนนแคบๆ มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง และมองผ่านไปที่สวนสาธารณะ โรงอาหาร และสนามหญ้า เป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยเคมบริดส์ ประเทศอังกฤษ ทางเหนือของกรุงลอนดอน โดดเด่นด้วยวิวของแม่น้ำ อาคารทั้งเก่าและใหม่ ดังเช่นอาคารประวัติศาสตร์ โบสถ์คิงส์คอลเล็จ และ Cambridge University's modern Centre for Mathematical Sciences
เมืองใหญ่ที่สวยงาม … กรุงโตเกียว เมืองที่มีทั้งอาคารสูง 50 ชั้น และคฤหาสน์โบราณ อันเป็นเมืองโปรดของ อมานดา เรโนลด์ สมาชิกของกลุ่ม U.K.'s Urban Design Group ซึ่งเป็นกลุ่มที่รวมการออกแบบอาคาร การจัดภูมิทัศน์ และการวางผังเมือง เข้าไว้ด้วยกัน
อมานดากล่าวว่า ไม่ใช่จะเป็นเพียงสถาปัตยกรรมของโตเกียวเท่านั้นที่ทำให้เมืองนี้สวยงาม แต่โตเกียวยังเปี่ยมด้วยอารมย์ของโครงสร้างและความมีระเบียบวินัย ในขณะที่ผู้คนมีรอยยิ้มบนใบหน้า และโค้งให้ซึ่งกันและกัน เมื่อเดินเข้าไปในซอยเล็กๆที่เปี่ยมพลังและมีชีวิตชีวาด้วยแสงนีออนในยามค่ำคืน
เมืองทั้งสองอยู่ในรายชื่อของเมืองที่สวยที่สุดในโลก รวมถึง ปารีส แวนคูเวอร์ ซิดนีย์ ฟลอเร็นซ์ และเวนิส
เนื่องจาก ความงาม” เป็นเพียงความรู้สึกที่จับต้องไม่ได้ การสำรวจดำเนินโดยการให้ความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญด้านเมืองใหญ่หลายสาขา รวมถึงเรื่องของ การวางผังเมือง สถาปัตยกรรม และการพัฒนาที่ยั่งยืน
ผู้ที่ให้ความเห็น ประกอบด้วย เรโนลด์ และ มิเชล คอร์ฟแมน สถาปนิกของบริษัท Goettsch Partners ในชิคาโก นอกจากนี้ยังมี เรมอนด์ ลีวิท กรรมการด้านก่อสร้างและสิ่งแวดล้อมของมหาวิทยาลัยแสตนฟอร์ด โทนี่ แมคกริก นักออกแบบผังเมือง นักออกแบบโครงสร้าง และประธานกรรมการของ BDP ในลอนดอน เจ ฮิว โอโดแนล จาก urban engineering firm International และ เคน ดรักเกอร์ นักออกแบบจากนิวยอร์ค และกรรมการของบริษัทรับออกแบบ HOK
เมืองแห่งแสงสี … ปารีส ได้รับการยอมรับในเรื่องของถนนหนทางที่กว้างขวาง เลน ความมีชีวิตชีวาบนท้องถนน และสิ่งก่อสร้างที่เป็นสัญลักษณ์ของเมือง เช่น Grand Palais และมิติทางสถาปัตยกรรมของสิ่งก่อสร้างแบบอังกฤษที่แตกต่างปนอยู่ด้วย ซึ่งช่วยส่งเสริมความเป็นเอกลักษณ์และความแตกต่าง (ความเป็นเอกลักษณ์ ของปารีส ได้รับอิทธิพลมากจากสิ่งที่เรียกว่า Haussmann plan จากศตวรรษที่ 19 ซึ่งเห็นได้จากสถาปัตยกรรมการการสร้างตึกต่างๆ)
พลังของปารีส ความเหมือน” ทำให้เมืองที่สวยงามนี้สามารถรับสิ่งที่แตกต่างไม่เหมือนใคร (ในช่วงเวลานั้น) เช่น หอไอเฟล ซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างล้ำสมัย Centre Pompidou (โดยสถาปนิกชาวอังกฤษและอิตาเลียนซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างต้นแบบและสร้างสรรค์ นอกจากนี้ การจำกัดความสูงในอดีต ทำให้หอแห่งนี้ถูกจำกัดในเรื่องของการออกแบบก่อสร้างตามไปด้วย
หากแต่ คุณไม่รู้สึกเหมือนกับการเดินในแสงเงาเหมือนกับส่วนอื่นๆของเมือง” คอร์ฟแมนกล่าว
ในขณะที่ปารีส โดดเด่นในเรื่องของการออกแบบและสิ่งก่อสร้าง แวนคูเวอร์มีชื่อเสียงในด้านความสวยงามของธรรมชาติ เมืองในโอบกอดของโค้งอ่าวและบรรยากาศเปิด – จากความเขียวขจีทางด้านตะวันตก จากแคมปัสในบริเวณมหาวิทยาลัยบริติชโคลัมเบีย ไปจนถึงสวนสาธารณะ สแตนเลย์ ที่กว้างใหญ่นอกเมือง
นอกจากนี้ ทั้งบริเวณภูเขาที่มีหิมะและมหาสมุทรแปซิฟิก เป็นฉากหลังที่สวยงามจากธรรมชาติ ทั้งนี้รวมถึงวัฒนธรรมและอาหารที่หลากหลาย ทำให้เมืองนี้น่าไปสัมผัสมากมาย
บรรยากาศที่เปิดโล่งทำให้เคปทาวน์มีความพิเศษ ลีวิทซ์กล่าว
นักเดินเรือที่มีชื่อเสียงชาวอังกฤษ เซอร์ ฟรานซิส เดรก เคยกล่าวถึงเคปทาวน์ว่า เป็นแหลมที่น่าพิสมัยที่สุดในโลก
เมืองนี้มีสวนพฤกษศาสตร์ Kirstenbosch ที่สวยงาม และ ณ ยอดภูเขาที่ความสูงประมาณ 3,500 ฟุต จะมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองที่สวยงามจนแทบลืมหายใจเชียวล่ะ ลีวิทซ์ ซึ่งเป็นวิศวกรโครงสร้าง ชื่นชมเมืองนี้ ด้วยเหตุที่เป็นเมืองที่มีขนาดพอดีที่สามารถบริหารจัดการเมืองได้ไม่ยาก
ซิดนีย์ เป็นอีกเมืองที่สวยงามด้วยธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอ่าวและท่าเรือน้ำลึกซึ่งมองเห็นได้จากเกือบทุกหนทุกแห่งของเมืองที่สูงๆต่ำๆด้วยเนินเขาของเมือง ในขณะที่ซิดนีย์ไม่ค่อยจะหนาวสักเท่าไหร่ เมืองนี้จะสวยงามเป็นพิเศษในฤดูใบไม้ผลิ
ซิดนีย์จะสวยที่สุด ในเดือนตุลาคม และเดือนพฤศจิกายน เมื่อต้น Jacaranda นับล้านต้นถูกวางเรียงรายตามถนนในเมือง .. และแย้มกลีบดอกสีม่วงบานเป็นแถวบนถนน แม้ในบริเวณนอกเมือง” เรโนลด์กล่าว
อัญมณีแห่งอิตาลี … ฟลอเร็นซ์ และเวนิส เป็นอีก เมืองที่อยู่ในรายชื่อเมืองสวยของโลก
ฟลอเร็นซ์ ให้อารมณ์สุนทรีของงานสถาปัตยกรรมในอดีต ซึ่งเป็นแบบโกธิก เช่น Basilica di Santa Maria del Fiore และ แกลเลอรี่ Uffizi ในบริเวณตัวเมืองสามารถเดินได้ง่ายๆ ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถชื่นชมความงามของเมืองได้โดยการเดินไปเรื่อยๆ
ฟลอเร็นซ์ยังเป็นเมืองที่มีลานสาธารณะที่กว้างขวาง มีคาเฟ่และรายล้อมไปด้วยอาคารที่สวยงาม เช่นที่ Palazzo Vecchio ที่ลานสาธรณะPiazza della Signoria คุณจะไม่สามารถไปที่ใดๆในโลกทีมีลานสาธารณะที่งดงามเช่นที่นี่” แมคเกริก กล่าว
เวนิส … เมืองแห่งสายน้ำ และมีประวัติศาสตร์ของเมืองที่ยาวนาน (ครั้งหนึ่งเมืองนี้เคยเป็นสาธารณรัฐซึ่งเคยได้รับการกล่าวถึงว่าเป็น ดิสนีย์แลนด์ของผู้ใหญ่
เวนิส เป็นเมืองโบราณด้วยความอลังการของอาคารสถานที่ และดูจะสบายๆในการเสื่อมถอย เช่นสีซีดๆของอาคาร และงานก่อหินทีประตูทางเข้าอาคารและกรอบหน้าต่าง คลองที่ลดเลี้ยว และทางเดินแคบๆที่เพิ่มเสน่ห์ของความลึกลับของสถานที่หลายๆแห่ง เรโนโนลด์กล่าว
 
ซานฟรานซิสโก … ได้รับการยกย่องในเรื่องของสะพานแขวน พื้นที่ของเมืองที่เป็นเนินเขา รถรางเคเบิ้ลคาร์ รวมถึงความงดงามของธรรมชาติที่เกิดจากผืนน้ำรอบๆเมือง
ในขณะที่ชิคาโกได้รับความนิยมในเรื่องของความเขียวขจีของบริเวณพื้นที่สาธารณะ เช่น การพัฒนาของสวนสาธารณะมิลเลเนียม และการปลูกดอกไม้จำนวนมากมายมหาศาล
ความงามของสถาปัตยกรรมในนิวยอร์กซิตี้ … ขอบฟ้าที่น่าตื่นตาของแมนฮัตตัน อาคารเก่าแก่ทางประวัติศาสตร์ซึ่งสร้างความแตกต่างจากอาคารทันสมัย เช่น อาคารกลางใจเมือง ของธนาคารแห่งอเมริกา
คนบางคน เช่น ลีวิทซ์ ยังชื่นชมบรรยากาศของเมืองแห่ง บิกแอปเปิ้ล อีกด้วย เขากล่าวว่า เมื่อราว 20 ปีก่อน เขาไม่แม้แต่จะมีรายชื่อของนิวยอร์กอยู่ในหัวเลย
เขากล่าวว่าการลดลงของอัตราการก่ออาชญากรรมทำให้ผู้คนกล้าออกมาเดินเล่นและชื่นชมความงามน่าอัศจรรย์ของวิถีชีวิตบนถนนในเมืองแห่งนี้ได้
ท้ายที่สุด เราไม่สามารถเลยผ่าน ลอนดอน ไปได้ 
หากปารีสมีโครงสร้างที่สวยงาม ลอนดอนก็จะเป็นอะไรที่ตรงข้าม เป็นเมืองที่ปะติดปะต่อได้อย่างสวยงาม” แมคกริก กล่าว ด้วยเหตุที่ลอนดอนมีอายุหลายร้อยปี เมืองนี้จึงไม่มีโครงสร้างในแพทเทินเดียวกัน อันเป็นเหตุให้รูปแบบของสถาปัตยกรรมของลอนดอนอยู่ในรูปของความหลากหลาย” ซึ่งเป็นอะไรบางสิ่งที่ แมตกริก ชื่นชอบ
รูปลักษณ์ที่แตกต่างอาจจะทำให้เมืองเหล่านี้มีความแปลกแยกไม่เหมือนกันไป
ในช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำมันอาจจะไม่มีแรงดึงดูดเพียงพอที่จะโน้มน้าวนักท่องเที่ยวที่ต้องประหยัดรัดเข็มขัดอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่แต่ละประเทศมีการแข่งขันแย่งชิงนักท่องเที่ยวให้มาใช้จ่ายในประเทศของตน
การสำรวจทางด้านการตลาดทั่วโลกจากหนังสือ Euromonitor ซึ่งตีพิมพ์ในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา ได้พยากรณ์ว่าการท่องเที่ยวโดยรวม (ในปี2008 World Tourism Organization รายงานว่า มีมูลค่า 944,000 ล้านเหรียญสหรัฐ จะเติบโตขึ้น แต่ก็ยังต่ำกว่าระดับปกติ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น