หากเราไปเที่ยวอิตาลี หรือกรุงโรม หลายคนที่เคยไปทัวร์อิตาลีมาแล้วคงจะรู้จักนครรัฐเล็กๆที่อยู่กลางมหานครใหญ่แห่งประเทศอิตาลีอย่างกรุงโรม ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งคริสจักรนิกายโรมันคาทอลิก “นครวาติกัน” นครรัฐที่มีเอกราชอธิปไตยเป็นของตนเอง มิได้ขึ้นตรงต่ออิตาลีแต่อย่างใด โดยมีพระสันตะปาปาเป็นประมุข สำหรับชาวคริสต์ที่หากได้ไปอิตาลีแล้วก็ควรต้องไปเยือนนครวาติกันให้ได้สักครั้ง
นครรัฐวาติกันแห่งนี้นั่นเป็นรัฐที่มีขนาดเล็กมากที่สุดในโลก แต่กลับได้รับการให้ได้รับการปกป้องรักษาพิเศษในภาวะสงครามและความขัดแย้งต่างๆ เพราะวาติกันคือแหล่งศิลปและวัฒนธรรมของโลก ในหอสมุดของนครแห่งนี้เต็มไปด้วยหนังสือเก่ากันหาค่าไม่ได้มากมาย(แนะนำว่าควรไปหนังสือเรื่อง Angel and Demon หรือดูภาพยนตร์เรื่องนี้จะทราบถึงความอลังการของหอสมุดแห่งนครรัฐวาติกันแห่งนี้ ) ดังนั้นแม้แต่ผู้นับถือศาสนาและลัทธิอื่นก็น่าจะมาเที่ยวชม สิ่งที่โดดเด่นอีกอย่างหนึ่งของวาติกันก็คือ หนึ่งในสี่มหาวิหารแห่งโรม “มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์” ที่ชาวอิตาเลี่ยนนิยมเรียกกันสั้นๆว่า เซนต์ปีเตอร์บาซิลิกา(Saint Peter’s Basilica)” ซึ่งมาจากภาษาละติน Basilica Sancti Petri ที่แปลว่าได้ว่า “โบสถ์ของเซนต์ปีเตอร์” นั่นเอง
เดิมมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์มิได้มีลักษณะดังเช่นที่เห็นในปัจจุบันนี้ แต่มหาวิหารนี้เป็นมหาวิหารใหม่ที่สร้างขึ้นทับบนที่ของวิหารเดิมที่ใช้ชื่อวิหารเหมือนกัน ซึ่งมหาวิหารใช้ยิ่งใหญ่ของเดิมมาก สามารถจุคนได้ถึง 60,000 คน ชื่อของมหาวิหารแห่งนี้มาจากชื่อของ เซนต์ปีเตอร์ หรือ นักบุญปีเตอร์ หนึ่งในพระสาวกแห่งพระเยซูทั้ง 12 เมื่อพระเยซูได้เสด็จสู่สวรรค์แล้ว เซนต์ปีเตอร์ซึ่งได้ทำหน้าที่ของผู้นำคริจตชนทั้งหลาย กล่าวว่าท่านเห็นความจำเป็นต้องเผยแผ่เปิดพระศาสนาจักรไปสู่ชาวอื่นชาติอื่น ท่านจึงเดินทางมายังกรุงโรมและประกอบภารกิจหน้าที่จนท่านกลายเป็นพระสันตะปาปาองค์แรกของนครวาติกันและของโลก ท่านถูกจับตรึงกางเขนเห็นเดียวกับพระอาจารย์ แต่ท่านได้ขอให้นำศีรษะของท่านทิ่มลงบนก้อนหิน เพราะท่านมิต้องการทำต้นเสมอพระเยซูผู้เป็นพระอาจารย์ที่สิ้นชีพให้ลักษณะดังกล่าว นอกจากมหาวิหารแห่งนี้จะได้ชื่อตามพระสันตะปาปาพระองค์แรกอย่างเซนต์ปีเตอร์แล้ว ยังมีความเชื่อที่ว่ามหาวิหารแห่งนี้เป็นที่ฝังร่างของเซนต์ปีเตอร์ ทำให้มหาวิหารแห่งนี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของชาวคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกเลยทีเดียว ซึ่งต่อมาภายในปี 1950 มีประกาศจากสมเด็จพระสัยตปาปาปิอุสถึงการค้นพบร่างพระศพของเซนต์ปีเตอร์หลังจากใช้เวลาถึง 10 ในการศึกษาและขุดค้นหา นอกจากพระศพของเซนต์ปีเตอร์แล้วที่มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ยังเป็นที่ฝังร่างของบุคคลสำคัญทางคริสตศาสนาอีกมากมาย
ความสวยงามของวิหารเซนต์ปีเตอร์เริ่มตั้งแต่จากโดมของวิหารที่เห็นได้จากระยะทางไกลในกรุงโรม ไปจนถึงสถาปัตยกรรมอันวิจิตรและงดงาม ในการก่อสร้างต้องสั่งซื้อหินถึง 2,522 เล่มเกวียนซึ่งได้มาจากโคลอสเซียม เงินงบประมาณจากสมบัติที่ขนมาจากเยซูซาเลม